วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

การเลี้ยงไก่ชน แม่ไก่เลี้ยงลูกของมันเอง วันแรก



สมมติว่าการแม่ไก่ชนเลี้ยงลูกของมันเอง วันแรกๆ  แม่ไก่จะพาลูกเดินบ้างตามสมควร  แต่จะใช้เวลาหมอบเพื่อกกลูกเป็นระยะ อากาศภายนอกอาจเย็นเกินไปสำหรับลูกไก่เจี๊ยบ เมื่อวิ่งได้พักหนึ่งก็ต้องกลับมาซ่อนใต้อกแม่ให้ตัวอุ่นสบายพอดี  แล้วออกไปวิ่งใหม่เหตุที่ลูกไก่คอยเพิ่มความอบอุ่น ก็เพราะในระยะ ๗-๑๐ วันแรกนี้  ลูกไก่ยังไม่สามารถรักษาระดับความอุ่นสบายภายในตัวให้คงที่ เมื่ออากาศภายนอกเย็น  ตัวมันก็เย็น อากาศภายนอกร้อน  ตัวมันก็ร้อนอันเป็นลักษณะของสัตว์เลือดเย็น เช่น งูและเต่าเป็นต้น แต่ต่างว่าตัวลูกไก่เย็นไปมันจะเดินไม่ได้ กินอาหารไม่ได้ เป็นอันตรายถึงตาย จึงเป็นหน้าที่ของแม่ไก่ต้องคอยระวังเรื่องนี้  บางครั้งเมื่อแม่ไก่เห็นว่าจะมีวิกฤติมา เช่น มี นกเหยี่ยว  กา  สุนัข แมว พังพอน หรือแม้แต่เด็กๆ เข้าใกล้ แม่ไก่จะส่งเสียงสัญญาณยาวๆ เรียกลูกไก่ให้รีบเข้ามาอาศัยอยู่ใต้อกแม่เป็นที่หลบภัย นับว่าอกแม่เป็นที่หลบภัยเดินได้ดี

          หลังจากนั้นแม่ไก่ก็ต้องสอนลูกให้กินน้ำกินอาหารเป็น   ปกติลูกไก่ชนชอบจิกอยู่แล้ว  มีจุดอะไรที่เห็นเด่นก็ลองจิกไปเรื่อยๆ จนแม้บางครั้งข้อเด่นนั้นบังเอิญเป็นหางของพวกเดียวกันเอง  ลูกไก่ก็พากันจิกจนเลือดไหลเกิดผลร้ายถึงตายก็มี  ด้วยอุปนิสัยนี้การสอนกินจึงดูง่าย แต่ถ้าเราจะลองคิดดูว่าแม่ไก่ไม่มีน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูกดังเช่นแม่ของเรา แม่ไก่ต้องให้อาหารแก่ลูกไว้ในไข่ขาวและไข่แดง  ซึ่งมีเหลือติดตัวมาอีกเล็กน้อย  ต่อจากนั้นลูกไก่ก็ต้องกินอาหาร ลูกนกหลายๆ ชนิดคอยให้แม่นกป้อนอาหารก็มี เช่น แม่นกกางเขนเวลาเลี้ยงลูกเล็กต้องบินหาอาหารมาป้อนลูกวันละหลายๆ ประพาส แม่พิราบไม่ชอบบินไปมาหลายเที่ยวนัก  จึงหาอาหารมาเผื่อลูก เมื่อมาถึงรังก็สำรอกอาหารให้ลูกกินครั้งเดียวก็อิ่มทุกตัว แม่นกที่ต้องออกไปหากินไกลๆ มักจะนิยมรวบรวมอาหารมาสำรอกป้อนลูกๆ ส่วนแม่ไก่นั้นต้องพาไปถึงที่ซึ่งมีอาหารแล้วสอนลูกให้รู้จักกินเมื่อคุ้ยเขี่ยพบอาหารที่ลูกไก่จะกินได้  ก็เรียกลูกด้วยเสียงกุ๊กๆๆ ถี่ๆ พร้อมทำทีว่าจิกกิน  ลูกก็แย่งกันทำตาม ไม่ช้าลูกไก่ก็รู้ว่าจะกินอะไร และเริ่มคุ้ยเขี่ยช่วยตัวเองได้  นับว่าแม่ไก่ชนต้องพากเพียรมากเพื่อเลี้ยงลูกแต่ละชุดให้เติบโตปลอดภัย

          สมมุติเราการเลี้ยงลูกไก่ชนจำนวนมากๆ  ดังที่เลี้ยงไก่กระทง  เพื่อเป็นไก่เนื้อหรือเลี้ยงเพื่อเป็นไก่ไข่  แต่ละชุดมีหลายร้อยตัว หรือหลายพันตัว ก็ต้องใช้เครื่องอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาทำหน้าที่หลัก  ได้แก่เครื่องกกให้ความอบอุ่น เล้าหรือคอกให้ความปลอดภัย  ภาชนะให้อาหารและน้ำแทนแม่ไก่  เนื่องจากแม่แท้ๆ ของลูกไก่เหล่านี้ต้องออกไข่จำนวนมาก ปีหนึ่งตั้งแต่ ๑๕๐ ถึงกว่า ๓๐๐ ฟอง จนไม่มีเวลาสำหรับจะฟักไข่และเลี้ยงลูกได้ จึงทิ้งนิสัยฟักไข่ยกหน้าที่ให้คนเลี้ยงไก่รับไปกระทำการแทน

          อุปกรณ์ที่เรียกว่า  กรงเลี้ยงลูกไก่ชน  ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเครื่องกกลูกไก่และส่วนเลี้ยงน้ำเลี้ยงอาหาร  ปูพื้นด้วยลวดพื้นตาสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดแคบกว่าช่วงเท้า หรือถ้าไม่ใช้กรง จะเลี้ยงบนพื้นคอกที่มีวัสดุปูรองพื้น เช่น ทรายแกลบ  ขี้เลื่อย  หรือฟางข้าวสับเป็นท่อนสั้นๆ ตั้งเครื่องกกไว้กลางคอก และรางน้ำรางอาหารโดยรอบก็ได้ เครื่องกกมีหน้าที่ให้ความอบอุ่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน  จนกว่าลูกไก่จะเริ่มควบคุมอุณหภูมิภายในตัวได้คงที่จึงหยุดให้ความอบอุ่นเรียกว่าหย่าไฟก็ได้ ความอบอุ่นที่จัดหาให้นี้ก็ใช้หลักเดียวกับเครื่องฟักไข่  อาจใช้ความร้อนจากตะเกียงน้ำมันก๊าด  ตะเกียงก๊าซ  ลวดร้อนไฟฟ้า ตามความสะดวก หลักสำคัญเรื่องกกลูกไก่มีอยู่ ๒ ข้อ ข้อแรก คือให้ลูกไก่สามารถเดินเข้าออกเพื่อเข้าหาบริเวณอบอุ่นได้สะดวก โดยอาจใช้แสงสว่าง เช่น แสงสีแดงล่อให้เห็นง่าย ข้อสอง คือ ปรับระดับความอบอุ่นให้พอดีสำหรับเสริมความร้อนในตัวลูกไก่ ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่าเมื่อลูกไก่อุ่นสบาย  ก็จะนอนกระจายกันพอหลวมๆ ไม่เบียดหรือสุมกัน อาการที่นอนสุมกันแสดงว่าหนาวไป ถ้าหากแยกกันนอนห่างมาก แสดงว่าร้อนไป การเติบโตและความสมบูรณ์ของลูกไก่จะด้อยลง ไม่ว่าจะร้อนไปหรือหนาวไปก็ตาม ลูกไก่ต้องการระยะกก ๒-๔ สัปดาห์ ลูกเป็ดต้องการระยะกกเพียง ๑-๒ อาทิตย์แรก

          ในส่วนที่เลี้ยงน้ำและอาหารนั้น ก็เป็นทั้งลานวิ่งและที่หากิน  แต่ด้วยเหตุที่เราต้องเลี้ยงลูกไก่จำนวนมาก  จึงจะจัดที่กว้างขวางเหลือเฟือไม่ได้ต้องจัดพอให้ไม่แออัด วิ่งได้บ้างพอออกกำลังกายให้แข็งแรง มีสุขอนามัยดี  ที่ให้น้ำให้อาหารก็จัดไว้บริบูรณ์ คือ ลูกไก่สามารถเข้าแถวกินอาหารได้พร้อมๆ กัน จำนวนครึ่งหนึ่งของแต่ละกรง อาหารจัดใส่ภาชนะที่เติมได้ง่าย ลูกไก่กินแล้วหกหล่นน้อยที่สุด  เพราะไม่ว่าจะอยู่อย่างไร  ลูกไก่ไม่ยอมทิ้งนิสัยคุ้ยเขี่ย ถ้าใช้เท้าคุ้ยไม่ได้ใช้ปากเขี่ยก็ยังทำได้จึงทำอาหารหกหล่นได้มาก  ถ้าภาชนะไม่มีที่ป้องกันหรือที่บังคับให้คุ้ยได้น้อยที่สุด

          วิธีสอนให้ลูกไก่รู้จักกินน้ำกินอาหาร  เราทำได้  ๒ วิธี วิธีแรก คือ เลียนแม่ไก่ที่จิกอาหารหรือดื่มน้ำให้ลูกไก่ดู  เราจิกไม่เป็นก็ให้จับหัวลูกไก่กดเบาๆ ให้ปากจุ่มน้ำหรือให้ลงจิกกินอาหาร ลูกไก่ก็จะได้ความคิดแล้วกินน้ำกินอาหารได้เองต่อไป  อีกวิธีหนึ่งเราจัดให้แสงสว่างแรงหน่อย  ตรงที่กินน้ำและอาหาร  ลูกไก่ชอบไปที่สว่างก็จะได้รู้วิธีกินน้ำและอาหารเอง วิธีนี้ใช้ได้ผลดี อีกทั้ง  ทุ่นเวลาด้วยเพราะลูกไก่เรียนเองและเอาอย่างกันเองภาระของผู้เลี้ยงไก่ในเดี๋ยวนี้ มี ๓ ประการด้วยกัน

         อย่า
ที่1 คือดูแลความสุขสบาย  ความเป็นอยู่ของลูกไก่ว่าไม่ร้อนไม่หนาว  อากาศถ่ายเทหายใจได้สะดวก  แต่มิให้ลมโกรก  ศัตรูไม่รบกวนอาหารและน้ำมีพอกิน  การถ่ายมูลเป็นปกติไม่เหลวไป  หรือแห้งไป  ทั้งไม่หมักหมมอยู่บนพื้นกรงหรือในที่นอน  กรงเลี้ยงไก่ที่ออกแบบดีแล้ว เมื่อไก่ถ่ายมูลปกติก็จะลอดพื้นกรงไปรวมอยู่ในถาดรองรับมูลไก่เกือบทั้งหมด  สะดวกแก่การทำความสะอาด และเก็บรวบรวมไปใช้ประโยชน์เป็นปุ๋ยปลูกต้นไม้พืช  ผักต่างๆ  ถ้ามูลไก่เหลวไป  แห้งไป  ก็เป็นหลักฐานฟ้องว่า เราบกพร่องในการดูแลต้องรีบพิจารณาหาสาเหตุแล้วแก้ไขเสียโดยเร็ว จะผัดผ่อนเวลาไม่ได้

          อย่างที่  ๒  ไก่ชนที่เราเลี้ยงต้องการอาหารดีพอเหมาะสมแก่ความหวังของร่างกายในอายุต่างๆ กัน และเพื่อหน้าที่ต่างๆ กัน บางคนใจดีคิดว่าถ้าเราหาอาหารที่มีแป้งมาก  มีโปรตีนสูง  มีไขมันเกินพอ  มีแร่ธาตุและวิตามิน  ทั่วๆจนยาเสริมต่างๆ ครบครันแล้ว ก็พอใจเลี้ยงอย่างนั้นแต่ข้อเท็จจริงปรากฏแล้วแน่ชัดว่า ทั้งลูกไก่และไก่รุ่นตลอดจนไก่ใหญ่  คือ ไก่ไข่และพ่อแม่ไก่สำหรับผสมพันธุ์  ล้วนแต่มีความต้องการอาหารจำเพาะเจาะจง ไก่ เป็ดระยะไข่ต้องการอาหารคุณลักษณะและปริมาณเพิ่มขึ้นตามความสามารถให้ไข่ (โปรดดูตาราง)  ถ้าเราให้ขาดหรือเกินจะเสียผล หรือถ้าให้อาหารอุดมสมบูรณ์เกินต้องการ ก็อาจทั้งเสียผลและเสียค่าใช้จ่ายมากโดยไม่ได้ผลตอบแทน เราจะต้องคำนึงถึงพันธุ์ไก่ ชนิดไก่ ประเภทของโภชนา ฤดูกาลและสิ่งแวดล้อม  ด้วยเหตุผลดังว่ามานี้  ผู้เลี้ยงไก่จะต้องศึกษาเรื่องสูตรอาหารให้เข้าใจ  แล้วจะผสมใช้เอง หรือซื้ออาหารผสมสำเร็จก็กระทำได้ด้วยความแน่ใจว่าเราไม่ได้ลงทุนมากแต่กลับได้ผลน้อยไม่คุ้ม

           อย่างที่ ๓ "การเลี้ยงไก่ชนหรือสัตว์เลี้ยงก็ติดสอยห้อยตาม เราต้องดูแลสุขอนามัยให้สมบูรณ์จึงจะได้ผลไก่จะมีสุขอนามัยดีก็เริ่มด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่สบาย  ได้กินอาหารและน้ำเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ  แล้วไม่มีความเจ็บไข้เบียดเบียน  การเลี้ยงสัตว์ถือหลักโบราณของไทยว่า  "กันดีกว่าแก้"  ไว้เสมอ  การป้องกันโรคเบื้องต้น คือ รักษาความสะอาดของสถานที่  กรงเลี้ยงไก่  น้ำ  อาหาร  ป้องกันสัตว์นำเชื้อโรค เช่น เหา ไร หนู นกกระจอกและคนไม่คุ้นหน้า เป็นต้น มิให้เพ่นพ่านในสถานที่การป้องกันขั้นกลาง คือ อภิบาลการแพร่เชื้อทางน้ำกินและอาหารโดยใช้ยาหรือยาเสริมต่างๆ โดยระมัดระวังและสม่ำเสมอตามคำบอกช่องทาง   อย่าใช้ตามใจชอบหรือตามใช้กล้วยๆอาจเป็นโทษภายหลัง ขั้นปลายก็คือ การป้องกันโรคสำคัญๆ สำหรับไก่ ได้แก่ ใช้วัคซีนเฉพาะบางโรค เช่น โรคนิวคาสเซิลโรคหลอดลมอักเสบ และโรคฝีดาษไก่  เป็นต้นสำหรับเป็ดก็คือ โรคตับอักเสบติดต่อในเป็ด โรคเพล็กเป็ด  โรคอหิวาต์เป็ด  ควรบำเพ็ญตามคำแนะนำของสัตวแพทย์  สัตวบาล หรือผู้ผลิตยาโดยเคร่งครัดและครบถ้วน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น